ปัจจัยความสำเร็จของการขายแบบ B2B (Business-to-Business) ในยุค AI

ปัจจัยความสำเร็จของการขายแบบ B2B Business-to-Business ในยุค AI

การขายแบบ B2B (Business-to-Business) คือรูปแบบของการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า หรือบริการระหว่างสองธุรกิจ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการขายวัตถุดิบให้กับโรงงานเพื่อผลิตสินค้า หรือการให้บริการทางไอทีแก่บริษัทอื่นๆ ในกระบวนการทำธุรกิจแบบ B2B มักจะเน้นที่ความสัมพันธ์ระยะยาวและการสร้างคุณค่าที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

การขายแบบ B2B และ B2C (Business-to-Consumer) มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน:

  1. กระบวนการตัดสินใจ: การขายแบบ B2B มักจะมีขั้นตอนการตัดสินใจที่ซับซ้อนและใช้เวลานานกว่า มีผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายการเงิน และฝ่ายผู้ใช้งาน ขณะที่การขายแบบ B2C นั้น ผู้บริโภคมักจะตัดสินใจซื้อด้วยตนเอง และมักจะเน้นที่อารมณ์และประสบการณ์ของผู้บริโภคเป็นหลัก
  2. มูลค่าการซื้อขาย: การทำธุรกรรมใน B2B มักจะมีมูลค่าที่สูงกว่า B2C เนื่องจากเป็นการซื้อขายในปริมาณมาก หรือมีการสั่งซื้อที่ต่อเนื่องยาวนาน ขณะที่ใน B2C มักจะเป็นการซื้อขายในมูลค่าที่ต่ำกว่าและครั้งเดียว
  3. เป้าหมายการตลาด: ใน B2B การตลาดจะเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและการให้ข้อมูลทางเทคนิคที่มีความลึก ในขณะที่ B2C จะเน้นที่การสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ร่วมในกระบวนการซื้อขาย

ปัจจัยนำไปสู่ความสำเร็จในการขายแบบ B2B

  1. ความเข้าใจในตลาดและลูกค้า: การวิเคราะห์ตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากใน B2B การเข้าใจปัญหาและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณสามารถเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์หรือบริการ: การมีความรู้และความเชี่ยวชาญในสินค้าหรือบริการของตนเองจะช่วยให้คุณสามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าได้
  3. การสร้างความสัมพันธ์: ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ขายและลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมากในการขายแบบ B2B ความไว้วางใจและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้การขายประสบความสำเร็จ
  4. การเจรจาต่อรอง: ใน B2B การเจรจาต่อรองเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย การมีทักษะในการเจรจาจะช่วยให้คุณสามารถประสบความสำเร็จในการปิดการขายได้

การใช้ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยการขายแบบ B2B อย่างไร

CRM (Customer Relationship Management) เป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าในธุรกิจแบบ B2B ซอฟต์แวร์ CRM ช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามการสนทนา การขาย และกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ทำให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและบริหารจัดการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ซอฟต์แวร์ CRM ใน B2B มีประโยชน์หลายประการ:

  1. การจัดการข้อมูลลูกค้า: CRM ช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้าในที่เดียว ทำให้ทีมขายสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
  2. การติดตามและวิเคราะห์การขาย: CRM ช่วยให้คุณสามารถติดตามสถานะของการขายในแต่ละขั้นตอนได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การขายได้ทันที
  3. การสร้างแคมเปญการตลาด: CRM ช่วยให้คุณสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และสามารถปรับแต่งข้อความเพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจของลูกค้า
  4. การจัดการกระบวนการขาย: CRM ช่วยในการจัดการขั้นตอนการขายต่างๆ ตั้งแต่การติดตามการสนทนา การนัดหมาย ไปจนถึงการปิดการขาย

AI สามารถนำมาช่วยการขายแบบ B2B อย่างไร?

การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการขายแบบ B2B ได้เปิดโอกาสใหม่ๆ ในการปรับปรุงกระบวนการขายให้มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้:

  1. การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมา เพื่อคาดการณ์ความต้องการในอนาคตของลูกค้าได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เช่น ประวัติการซื้อ ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ การตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด เป็นต้น ทำให้ทีมขายสามารถเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

  1. การปรับปรุงการจัดการลูกค้าเป้าหมาย: AI สามารถช่วยในการจัดอันดับความสำคัญของลูกค้าเป้าหมาย (Lead Scoring) โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดธุรกิจ อุตสาหกรรม และพฤติกรรมการซื้อ ทำให้ทีมขายสามารถมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสูงที่สุด เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น

  1. การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data): AI สามารถวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่จากแหล่งต่างๆ เช่น ข้อมูลตลาด ข้อมูลการขาย ข้อมูลลูกค้า และอื่นๆ เพื่อค้นหาความสัมพันธ์และแนวโน้มต่างๆ ที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับและแม่นยำมากขึ้น

  1. การสนทนาอัตโนมัติด้วย Chatbots: AI สามารถนำมาใช้ในการสร้าง Chatbots ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ แก้ไขปัญหาเบื้องต้น หรือช่วยแนะนำสินค้าหรือบริการที่เหมาะสม ทำให้ทีมขายมีเวลามากขึ้นในการจัดการกับการขายที่ซับซ้อนมากขึ้น

  1. การสร้างข้อความการตลาดที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างข้อความการตลาดที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้การสื่อสารกับลูกค้ามีความสอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของพวกเขามากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขาย: AI สามารถช่วยให้กระบวนการขายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้ AI ในการสร้างรายงานสรุปข้อมูล การติดตามลูกค้าแบบอัตโนมัติ หรือการตรวจสอบความคืบหน้าของการขาย ช่วยให้ทีมขายสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

  1. การเรียนรู้จากข้อมูลย้อนหลัง (Machine Learning): AI ที่ใช้เทคโนโลยี Machine Learning สามารถเรียนรู้จากข้อมูลและประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การขายได้อย่างต่อเนื่อง โดย AI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา และปรับปรุงการคาดการณ์หรือคำแนะนำในการขายให้แม่นยำมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป

การนำ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการขายแบบ B2B ไม่เพียงแค่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า นอกจากนี้ การใช้ AI ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจสามารถรักษาความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้

อุปสรรคของการใช้ซอฟต์แวร์ CRM เพื่อการขายแบบ B2B

แม้ว่า CRM จะมีประโยชน์มากในการขายแบบ B2B แต่อุปสรรคในการใช้ CRM ก็ยังมีอยู่:

  1. ความซับซ้อนในการใช้งาน: บางครั้งซอฟต์แวร์ CRM อาจมีความซับซ้อนและยากต่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะกับผู้ใช้ใหม่
  2. ความไม่เข้าใจในการนำข้อมูลไปใช้: การเก็บข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ แต่การนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นยากยิ่งกว่า การใช้ข้อมูลเพื่อสร้างกลยุทธ์การขายที่มีประสิทธิภาพต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลและการคิดเชิงกลยุทธ์
  3. การปรับตัวของทีมงาน: การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานหรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้มักจะพบกับความต้านทานจากทีมงาน การฝึกอบรมและการสร้างความเข้าใจในประโยชน์ของ CRM จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
  4. ค่าใช้จ่าย: ซอฟต์แวร์ CRM ที่มีคุณภาพมักจะมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น

อนาคตของการขายแบบ B2B

การขายแบบ B2B กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น AI, การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data), และเครื่องมืออัตโนมัติ (Automation Tools) ทำให้กระบวนการขายมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

แนวโน้มในอนาคตของ B2B คือ:

  1. การใช้ AI ในการคาดการณ์และปรับแต่งการขาย: AI จะเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า ทำให้สามารถปรับแต่งการเสนอขายให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น
  2. การตลาดที่เน้นความสัมพันธ์ (Relationship Marketing): การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าจะเป็นสิ่งสำคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการใช้ CRM ที่มีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  3. การขายผ่านช่องทางดิจิทัล: การขายผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น eCommerce สำหรับ B2B กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการขายและทำให้การขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. การผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์: การผสมผสานระหว่างการขายออนไลน์และออฟไลน์จะเป็นสิ่งที่เห็นได้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับตนเองได้

การขายแบบ B2B จะยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายและมีการพัฒนาต่อเนื่อง การเข้าใจถึงแนวโน้มและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการขายจะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

กรณีศึกษาและเรื่องราวความสำเร็จ

ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Freddy AI ในการเปลี่ยนแปลงการขาย

มีธุรกิจหลายแห่งในหลายอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จในการนำ Freddy AI ไปใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการขายของตน ตัวอย่างเช่น บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำแห่งหนึ่งมีการเพิ่มประสิทธิภาพการขายถึง 30% หลังจากการผสาน Freddy AI เข้าใน Freshsales CRM โดยการทำงานอัตโนมัติของการให้คะแนนโอกาสในการขายและการติดตาม พวกเขาสามารถมุ่งเน้นที่โอกาสในการขายที่มีศักยภาพสูงและปิดการขายได้เร็วขึ้น

การวิเคราะห์รายละเอียดของการปรับปรุงยอดขายและ ROI

การศึกษากรณีแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่ใช้ Freddy AI ใน Freshsales มีการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในเมตริกการขายของตน การปรับปรุงเหล่านี้รวมถึงอัตราการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้น เวลาการขายที่ลดลง และความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การคืนทุนจากกลยุทธ์การขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังมีความสำคัญ โดยธุรกิจรายงานการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไร

คำรับรองจากผู้ใช้ Freddy AI ใน Freshsales

ผู้ใช้ Freddy AI ใน Freshsales ชื่นชมเครื่องมือนี้สำหรับการใช้งานที่ง่าย คุณลักษณะที่ทรงพลัง และประโยชน์ที่แท้จริง คำรับรองเน้นย้ำว่า Freddy AI ช่วยให้ทีมขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดสินใจดีขึ้น และบรรลุเป้าหมายการขายได้อย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป

Freddy AI ใน Freshsales เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงเกมการขาย ช่วยให้ธุรกิจขายได้ฉลาดขึ้น ปิดการขายได้เร็วขึ้น และขับเคลื่อนยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสาน AI เข้ากับกระบวนการขายทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดสินใจได้ดีขึ้น และบรรลุเป้าหมายการขายได้อย่างสม่ำเสมอ

การใช้ Freddy AI ใน Freshsales เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและการดำเนินงาน ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึก การทำงานอัตโนมัติของงานประจำ และการปรับปรุงการโต้ตอบกับลูกค้า Freddy AI เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ธุรกิจขายได้ดียิ่งขึ้น

คลิกที่นี่ ลองใช้ Freshsales ที่ขับเคลื่อนด้วย Freddy AI เพื่อเปลี่ยนแปลงเกมการขายของคุณและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

Freshsales Suite

เป็นซอฟต์แวร์ CRM บนคลาวด์แบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อช่วย改善ประสิทธิภาพในการขายและการตลาด โดยรวมเอาเครื่องมือต่างๆ ไว้ด้วยกันเพื่อช่วยให้การสื่อสาร การติดตามลูกค้าเป้าหมาย และการจัดการการติดต่อกับลูกค้า ราบรื่น

ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของฟีเจอร์สำคัญๆ: *

  • แพลตฟอร์มการขายและการตลาดแบบผสานรวม: Freshsales Suite ช่วยขจัดข้อจำกัดระหว่างทีมขายและการตลาด โดยการจัดหาแพลตฟอร์มกลางเพื่อจัดการลูกค้าเป้าหมาย ติดตามการติดต่อกับลูกค้า และร่วมมือกันในการสร้างแคมเปญ *
  • การสื่อสารหล่อมหลายช่องทาง: ชุดโปรแกรมนี้ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรศัพท์ อีเมล SMS และ WhatsApp เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า *
  • การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM): Freshsales Suite นำเสนอระบบ CRM เพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามการติดต่อ และรับมุมมองแบบ 360 องศาเกี่ยวกับลูกค้าของคุณ *
  • ระบบการตลาดอัตโนมัติ: ชุดโปรแกรมนี้มีเครื่องมือการตลาดอัตโนมัติเพื่อช่วยบ่มเพาะลูกค้าเป้าหมาย ปรับแต่งแคมเปญ และดำเนินการซ้ำๆ โดยอัตโนมัติ *
  • ยกระดับประสิทธิภาพการขาย: คุณสมบัติต่างๆ เช่น กฎการกำหนดงานอัตโนมัติและการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมายสามารถช่วยปรับกระบวนการขายและเพิ่มประสิทธิภาพของทีมขาย โดยรวมแล้ว Freshsales Suite มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ง่ายขึ้น ปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่างทีม และท้ายที่สุด ช่วยให้ธุรกิจของคุณเพิ่มรายได้

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ  Freshworks – Freshsales Suite ติดต่อได้ที่:

Sundae Solutions Co., Ltd.

T| +6626348899  E| sales@sundae.co.th

W| https://www.sundae.co.th/solution/crm-and-customer-experience/freshworks/