SaaS, AI และ IT Services ของไทย ปรับตัวอย่างไรในยุคภาษีข้ามพรมแดน

โลกในศตวรรษที่ 21 เดินทางเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งของการแข่งขันทางธุรกิจอีกต่อไป แต่กลายเป็น “แกนกลาง” ของอำนาจเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในด้าน AI, SaaS, Cloud Computing และ Semiconductor ได้กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ การเข้ามาของมาตรการทางภาษีในรูปแบบ “ภาษีข้ามพรมแดน” หรือ Cross-border Tariffs โดยเฉพาะนโยบาย “Liberation Day Tariff” ของสหรัฐอเมริกา เป็นปรากฏการณ์ที่พลิกเกมทั้งระบบเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย ซึ่งกำลังพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและมีความหวังกับภาคบริการด้าน IT และซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ใหม่ของประเทศ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นทั้ง “วิกฤต” และ “โอกาส” ที่ต้องมีการวางกลยุทธ์ตอบสนองอย่างรอบด้าน
1. Liberation Day Tariff: จุดเปลี่ยนของระเบียบเศรษฐกิจโลก
ในเดือนเมษายน ปี 2568 สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรการทางภาษีชุดใหม่ที่เรียกว่า “Liberation Day Tariff” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกคืน “อธิปไตยทางเศรษฐกิจ” ให้กับสหรัฐฯ
ภายใต้นโยบายนี้ สินค้านำเข้าจากทุกประเทศจะถูกเก็บภาษี 10% เป็นฐาน และอาจถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้เพิ่มเติมในกรณีที่สหรัฐฯ พิจารณาว่าประเทศนั้นมีการกีดกันทางการค้า ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่ถูกกำหนดอัตราภาษี 36% เป็นผลให้บริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาอุปกรณ์ นวัตกรรม หรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดอเมริกาจะได้รับผลกระทบในทันที
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังขยายผลต่อ:
- ห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะสินค้าประเภทเซมิคอนดักเตอร์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น
- ตลาดผู้บริโภคระดับโลก ซึ่งเผชิญกับราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น
- การตัดสินใจลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ
2. สงครามเทคโนโลยี: เมื่อซอฟต์แวร์และชิปกลายเป็นอาวุธ
การแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในด้านเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันเชิงพาณิชย์อีกต่อไป แต่กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับโลกที่ผูกโยงกับ:
- อำนาจทางเศรษฐกิจ (Economic Sovereignty)
- อำนาจทางความมั่นคง (National Security)
- อิทธิพลเชิงวัฒนธรรมและข้อมูล (Soft Power)
สินค้าประเภทเทคโนโลยี โดยเฉพาะ SaaS, Cloud AI, IoT และ Semiconductor กำลังกลายเป็น “สนามรบหลัก” ของสงครามเย็นยุคใหม่ โดยสหรัฐฯ ใช้มาตรการทั้งทางภาษี การควบคุมการส่งออก (Export Control) และการบีบบังคับให้บริษัทข้ามชาติต้องเลือกข้าง ซึ่งส่งผลต่อ Ecosystem ของโลกอย่างรุนแรง
3. กลยุทธ์การปรับตัวของภาคธุรกิจไทย
3.1 การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Re-engineering)
บริษัทไทยควร:
- หันไปใช้ Data Center ภายในประเทศหรือภูมิภาค ASEAN แทน Public Cloud จากจีนหรือสหรัฐฯ โดยตรง
- สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อให้บริการลูกค้าโดยไม่ต้องนำเข้าซอฟต์แวร์โดยตรงจากประเทศที่มีข้อขัดแย้งด้านการค้า
3.2 การเลือกเทคโนโลยีอย่างเป็นกลาง (Technology Neutrality)
บริษัทไทยควรพิจารณาการใช้งานเทคโนโลยีจากทั้งสองขั้ว (จีนและสหรัฐฯ) อย่างรอบคอบ โดยอาจใช้แนวทาง:
- Multi-cloud strategy เพื่อลดการพึ่งพา cloud รายเดียว
- Hybrid AI Framework ที่สามารถประมวลผลทั้งบน edge และ cloud ได้ตามข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือภูมิรัฐศาสตร์
3.3 การเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ (Cybersecurity & Data Sovereignty)
การเพิ่มขึ้นของภาษีข้ามพรมแดนจะส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าส่วนใหญ่ต้องถูกจัดเก็บภายในประเทศ บริษัทจึงต้อง:
- ลงทุนในระบบการป้องกันข้อมูล
- ทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA / GDPR)
3.4 การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย AI
แม้จะมีอุปสรรคทางการค้า แต่ AI ยังคงเป็นตัวเร่งสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มผลิตภาพ:
- ใช้ Generative AI ในงานบริการลูกค้า การตลาด และการวิเคราะห์ข้อมูล
- ลงทุนใน AI ในประเทศ หรือใช้โครงสร้างที่ไม่ขึ้นกับประเทศที่มีความเสี่ยงทางภาษี
4. บทเรียนจากผู้นำ: Case Studies
กรณีศึกษา 1: บริษัทไทยด้าน IT Services ที่เปลี่ยนโครงสร้างสัญญากับลูกค้าโดยใช้ “บริการที่โฮสต์ใน ASEAN” แทนการใช้ Data Center จากสหรัฐฯ โดยตรง
กรณีศึกษา 2: ผู้ให้บริการ SaaS ไทยที่หันมาใช้ Edge Computing ผสมกับ Cloud ในประเทศเพื่อลดความเสี่ยงการเก็บภาษี
กรณีศึกษา 3: Startup ไทยที่สร้างแพลตฟอร์ม Generative AI โดยเน้น Localized Training Data และภาษาไทยเพื่อลดการพึ่งพาโมเดลจากต่างประเทศ
5. บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ภาครัฐควร:
- ส่งเสริมโครงการ Cloud Neutrality และสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค
- สนับสนุนการลงทุนใน Data Center และ AI Infrastructure ภายในประเทศ
- จัดตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีข้ามพรมแดน
ภาคเอกชนควร:
- ติดตามข่าวสารด้านภูมิรัฐศาสตร์เทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด
- พัฒนาความสามารถด้าน AI และ Data Protection อย่างจริงจัง
- ปรับกลยุทธ์การให้บริการและพันธมิตรทางธุรกิจให้ตอบรับกับโลกที่ไม่เสรีเท่าเดิม
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นในการประเมินผลกระทบและกำหนดแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับภาคเทคโนโลยีไทยในยุคที่การค้าและเทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์
จัดทำโดย: Sundae Solutions Co., Ltd.
วันที่เผยแพร่: 10 เมษายน 2025
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
โทร 026348899 อีเมล sales@sundae.co.th
เว็บไซต์ https://www.sundae.co.th
ติดตามเราได้ที่:
Line OA: https://lin.ee/XBhMBPb
Facebook: https://www.facebook.com/sundaesolutions
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/sundaeth
IG https://www.instagram.com/sundaesolutions/
X https://www.x.com/@SundaeSolutions
- เมษายน 17, 2025
- Posted by: sundaeadmin
- Category: Articles-TH

