เปรียบเทียบ SAP Business One - Professional vs. Limited Editions – เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ?

SAP Business One มีให้เลือกใช้งาน 2 รุ่นหลัก ได้แก่ Professional Edition และ Limited Edition ซึ่งมีความแตกต่างกันในแง่ของสิทธิ์การใช้งาน (User Licenses) และขอบเขตของฟังก์ชันที่สามารถใช้ได้

เปรียบเทียบ SAP Business One- Professional Edition vs. Limited Edition – เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

1. SAP Business One Professional Edition

• เป็นเวอร์ชันที่ สามารถเข้าถึงทุกโมดูล และฟีเจอร์ทั้งหมดของ SAP Business One ได้แบบไม่มีข้อจำกัด

• เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการ ใช้ทุกฟังก์ชันของระบบ เช่น ผู้บริหาร, ผู้จัดการฝ่ายบัญชี, ผู้จัดการฝ่ายคลังสินค้า, และผู้บริหารด้านไอที

• รองรับการทำงานในทุกส่วนของธุรกิจ เช่น บัญชีและการเงิน, การขายและการตลาด, การจัดซื้อ, คลังสินค้า, การผลิต, การบริหารโครงการ, และการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

2. SAP Business One Limited Edition

• เป็นเวอร์ชันที่มี ข้อจำกัดในการเข้าถึงฟังก์ชัน บางส่วน โดยมีให้เลือก 3 ประเภท ตามความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละฝ่ายงาน

• ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับพนักงานในบางแผนก ที่ไม่ต้องการใช้ SAP Business One อย่างเต็มรูปแบบ

• ราคาถูกกว่ารุ่น Professional Edition แต่ สามารถเข้าถึงเฉพาะโมดูลที่กำหนด ตามประเภทของ License ที่เลือก

SAP Business One Core Modules

SAP Business One Limited Edition มีกี่แบบ? แต่ละแบบต่างกันอย่างไร?

SAP Business One Limited Edition มีให้เลือก 3 ประเภท ได้แก่

1. Limited Financial User

2. Limited Logistics User

3. Limited CRM User

SAP Business One Key Functionality

1. Limited Financial User (เหมาะกับฝ่ายบัญชีและการเงิน)

• สามารถใช้งานโมดูล บัญชีและการเงิน ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงฟังก์ชันต่างๆ เช่น:

• การทำบัญชีแยกประเภท (General Ledger)

• การบันทึกบัญชี (Journal Entries)

• บัญชีลูกหนี้-เจ้าหนี้ (Accounts Receivable & Accounts Payable)

• การออกใบแจ้งหนี้และการชำระเงิน

• การบริหารกระแสเงินสด (Cash Flow Management)

• การปิดงบการเงิน (Financial Reporting)

ข้อจำกัด:

• ไม่สามารถใช้โมดูลด้านการขาย (Sales), การจัดซื้อ (Purchasing), คลังสินค้า (Inventory), และ CRM ได้เต็มรูปแบบ

2. Limited Logistics User (เหมาะกับฝ่ายจัดซื้อ, คลังสินค้า และการผลิต)

• สามารถใช้งานโมดูล โลจิสติกส์ (Logistics) ได้ เช่น:

• การจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง (Inventory Management)

• การจัดซื้อ (Purchasing)

• การจัดการคำสั่งขาย (Sales Order Management)

• การควบคุมการผลิต (Production & Bill of Materials)

ข้อจำกัด:

• ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันด้านบัญชีการเงินได้เต็มรูปแบบ

• ไม่สามารถเข้าถึงโมดูล CRM ได้

3. Limited CRM User (เหมาะกับฝ่ายขายและการตลาด)

• สามารถใช้งานโมดูล การขายและการตลาด (CRM & Sales) ได้ เช่น:

• การบริหารข้อมูลลูกค้า (Customer Relationship Management – CRM)

• การจัดการโอกาสทางการขาย (Sales Opportunities)

• การบริหารกิจกรรมด้านการตลาด (Marketing Campaigns)

• การออกใบเสนอราคา (Quotations)

• การบันทึกการติดต่อกับลูกค้า (Activity & Interaction Tracking)

ข้อจำกัด:

• ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันด้านบัญชี, คลังสินค้า และการผลิตได้เต็มรูปแบบ

สรุปความแตกต่างระหว่าง SAP Business One Professional Edition และ Limited Edition

ควรเลือก SAP Business One Edition แบบไหนดี?

1. หากต้องการใช้ทุกฟังก์ชันของ SAP Business One → เลือก Professional Edition

2. หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และแต่ละฝ่ายมีหน้าที่เฉพาะเจาะจง → เลือก Limited Edition ตามบทบาทของพนักงาน

• ฝ่ายบัญชี เลือก Limited Financial User

• ฝ่ายจัดซื้อและคลัง เลือก Limited Logistics User

• ฝ่ายขาย เลือก Limited CRM User

สรุป

SAP Business One มีทั้งรุ่น Professional Edition ซึ่งเข้าถึงทุกโมดูลของระบบ และรุ่น Limited Edition ที่แบ่งเป็น 3 แบบตามลักษณะงาน ได้แก่ Limited Financial (บัญชีและการเงิน), Limited Logistics (คลังสินค้าและโลจิสติกส์), และ Limited CRM (ฝ่ายขายและการตลาด) การเลือกใช้ควรพิจารณาจากหน้าที่ของพนักงานและงบประมาณขององค์กรเป็นหลัก

สอบถามรายละเอียดและรับโปรโมชั่นของ SAP Business One  ได้ที่

บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
โทร 026348899 อีเมล sales@sundae.co.th

เว็บไซต์ https://www.sundae.co.th

ติดตามเราได้ที่:
Line OA: @SundaeSolutions
Facebook: https://www.facebook.com/sundaesolutions
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/sundaeth
IG https://www.instagram.com/sundaesolutions/
X https://www.x.com/@SundaeSolutions

#ERP #SAP #SAPBUSINESS ONE #Software #SundaeSolutions