ธุรกิจสู่ Game Changer ด้วย 7 เทรนด์ของ CRM ในปี 2567/2568
ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) การก้าวนำหน้าเกม (Game Changer) เป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่เราตั้งตารอถึงปี 2567/2568 สิ่งสำคัญคือธุรกิจต่างๆ จะต้องจับตาดูแนวโน้มล่าสุดในอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลานี้ จากการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ไปจนถึงการมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลมากขึ้น มีแนวโน้ม CRM หลักหลายประการที่ต้องจับตามองในปีต่อๆ ไป
หนึ่งในแรงผลักดันหลักเบื้องหลังอนาคตของ CRM คือการบูรณาการเทคโนโลยี AI ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล ระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าและทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นอัตโนมัติ
แนวโน้มอีกประการหนึ่งที่ต้องระวังคือการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่ตรงตามความต้องการ ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อส่งมอบปฏิสัมพันธ์ที่เป็นส่วนตัวผ่านช่องทางต่างๆ
Mobile CRM ก็ยังเป็นกระแสในปี 2567/2568 เช่นกัน เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานและงานส่วนตัว ธุรกิจต่างๆ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ CRM ของตนนั้นเหมาะกับอุปกรณ์พกพาและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
นี่เป็นเพียงเทรนด์ CRM ยอดนิยมบางส่วนที่ต้องจับตามองเมื่อเราก้าวเข้าสู่ ปี 2567/2568 ด้วยการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ใหม่ๆ เหล่านี้มาใช้ ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถก้าวนำหน้าและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล
อ่านเพิ่มเติม บทความ จาก “ความสัมพันธ์” สู่ “ความผูกพัน” (CRM, CEM & CE)
ความสำคัญของการติดตามแนวโน้ม CRM
ภูมิทัศน์ของ CRM มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของลูกค้า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ จะต้องอัปเดตแนวโน้ม CRM ล่าสุดอยู่เสมอ ด้วยการจับตาดูเทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นใหม่อย่างใกล้ชิด บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้
การอัปเดตแนวโน้ม CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวได้ ด้วยการทำความเข้าใจการตั้งค่าและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทต่างๆ จะสามารถปรับแต่งปฏิสัมพันธ์และข้อเสนอของตนให้ตรงตามความต้องการส่วนบุคคลได้ การปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลในระดับนี้ไม่เพียงเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังเพิ่มความภักดีและการสนับสนุนของลูกค้าอีกด้วย
นอกจากนี้ การติดตามแนวโน้ม CRM อย่างต่อเนื่องยังช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการภายในและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่และเครื่องมืออัตโนมัติมาใช้ บริษัทต่างๆ จึงสามารถปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน ลดงานที่ต้องทำเอง และเพิ่มผลผลิตได้ ช่วยให้พนักงานมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่มีมูลค่าสูง เช่น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ
โดยสรุป การอัปเดตแนวโน้ม CRM เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน มอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการภายในของตน ด้วยการเปิดรับความก้าวหน้าล่าสุดใน CRM บริษัทต่างๆ จึงสามารถวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จในอนาคตได้
เทรนด์ที่ 1: การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใน CRM
หนึ่งในแรงผลักดันหลักเบื้องหลังอนาคตของ CRM คือการบูรณาการเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent)AI มีศักยภาพในการปฏิวัติ CRM โดยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลและดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าออกมา ด้วยระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ธุรกิจสามารถทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นอัตโนมัติ ปรับปรุงการตัดสินใจ และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
การบูรณาการ AI ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับลูกค้าของตน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากจุดสัมผัสต่างๆ อัลกอริธึม AI จึงสามารถระบุรูปแบบ ความชอบ และพฤติกรรมได้ ข้อมูลอันมีค่านี้สามารถใช้เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้า โต้ตอบส่วนบุคคล และคาดการณ์ความต้องการในอนาคต ตัวอย่างเช่น ระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถแนะนำคำแนะนำผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละรายโดยพิจารณาจากประวัติการเข้าชมและการซื้อที่ผ่านมา
ประโยชน์หลักอีกประการหนึ่งของการรวม AI ใน CRM คือการทำงานอัตโนมัติของงานที่ซ้ำกัน ตัวอย่างเช่น แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถจัดการกับคำถามของลูกค้า ให้การสนับสนุนแบบเรียลไทม์ และแม้แต่ประมวลผลธุรกรรมได้ สิ่งนี้ไม่เพียงปรับปรุงเวลาตอบสนอง แต่ยังช่วยลดภาระของทีมบริการลูกค้า ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การโต้ตอบที่ซับซ้อนและมีคุณค่ามากขึ้น
นอกจากนี้ ระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจระบุโอกาสในการขายและคาดการณ์การเลิกใช้งานของลูกค้าได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า อัลกอริธึม AI สามารถระบุสัญญาณที่บ่งบอกถึงการขายที่อาจเกิดขึ้นหรือความไม่พอใจของลูกค้า สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าในเชิงรุก เสนอโปรโมชั่นที่ตรงเป้าหมาย และป้องกันการเลิกใช้งาน
โดยสรุป การบูรณาการ AI ใน CRM นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย รวมถึงความเข้าใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ระบบอัตโนมัติของงานซ้ำๆ และกลยุทธ์การขายและการรักษาลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุง ในขณะที่เทคโนโลยี AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ ที่ใช้ระบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะอยู่ในสถานะที่ดีในการเติบโตในอนาคต
เทรนด์ 2: CRM บนมือถือสำหรับการเข้าถึงทุกที่ทุกเวลา
ในโลกที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้นเรื่อยๆ CRM บนมือถือคาดว่าจะสร้างกระแสในปี 2024 เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานและงานส่วนตัว ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ CRM ของตนเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่และเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
Mobile CRM ช่วยให้ทีมขายและตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่สำคัญ อัปเดตบันทึก และสื่อสารกับลูกค้าจากอุปกรณ์มือถือของพวกเขา ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้พวกเขาตอบสนอง มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงสถานที่ตั้ง ตัวอย่างเช่น พนักงานขายสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างรวดเร็วก่อนการประชุม อัปเดตความคืบหน้าทันทีหลังการประชุม และติดตามผลกับลูกค้า ทั้งหมดนี้ทำได้จากอุปกรณ์เคลื่อนที่
นอกจากนี้ CRM บนมือถือยังช่วยให้ตัวแทนฝ่ายขายภาคสนามสามารถเก็บข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ การใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อบันทึกปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า อัปเดตรายละเอียดการติดต่อ และบันทึกการป้อนข้อมูล ตัวแทนฝ่ายขายสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน การซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์นี้ยังช่วยให้ผู้จัดการและสมาชิกในทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุด ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบ
ข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ CRM บนมือถือคือความสามารถในการมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนช่องทางการสื่อสารที่พวกเขาต้องการ ด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางต่างๆ เช่น แอปส่งข้อความและโซเชียลมีเดีย เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าด้วยวิธีที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แนวทางหลายช่องทางนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ พบปะลูกค้าได้ในจุดที่พวกเขาอยู่ ให้การสนับสนุนอย่างทันท่วงที และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
โดยสรุป CRM บนมือถือเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2567/2568 เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มศักยภาพให้กับทีมด้วยการเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา บันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาต้องการ ด้วยการนำ CRM บนมือถือมาใช้ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าได้
เทรนด์ 3: การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณและการปรับแต่งใน CRM
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ลูกค้าคาดหวังประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวในทุกจุดสัมผัส ด้วยเหตุนี้ การปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลและการปรับแต่งใน CRM จึงกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่ต้องจับตามองในปี 2024 ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการส่งมอบปฏิสัมพันธ์ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการและความต้องการของแต่ละบุคคล
การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณใน CRM เริ่มต้นด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ประวัติการทำธุรกรรม พฤติกรรมการเรียกดู และข้อมูลประชากร ธุรกิจสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตั้งค่าและพฤติกรรมของลูกค้า ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มเฉพาะ ช่วยให้แคมเปญการตลาดตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นส่วนตัวใน CRM เพื่อให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่กำหนดเองได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการของแต่ละบุคคลและให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทอีคอมเมิร์ซสามารถใช้ข้อมูล CRM เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมโดยพิจารณาจากการซื้อหรือประวัติการเข้าชมครั้งก่อนของลูกค้า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสในการขายต่อเนื่องและการขายต่อยอดอีกด้วย
นอกเหนือจากการตลาดส่วนบุคคลและคำแนะนำผลิตภัณฑ์แล้ว ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถปรับแต่งการโต้ตอบการบริการลูกค้าของตนได้อีกด้วย ด้วยการรวบรวมความชอบและประวัติของลูกค้าในระบบ CRM ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถให้การสนับสนุนที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าสามารถเข้าถึงประวัติการซื้อและการตั้งค่าของลูกค้าเพื่อให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องและปรับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว การปรับแต่งส่วนบุคคลและการปรับแต่งใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถมอบประสบการณ์ที่ปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการและความชอบของลูกค้าแต่ละราย ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้า ธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้า ปรับแต่งแคมเปญการตลาด แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนที่ปรับแต่งได้
เทรนด์ที่ 4: การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์
การวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นใน CRM เนื่องจากธุรกิจรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ ความสามารถในการวิเคราะห์และดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าจึงมีความสำคัญ ในปี 2567 ธุรกิจต่างๆ ควรมุ่งเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถเปิดเผยรูปแบบและแนวโน้มในพฤติกรรมของลูกค้าได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากช่องทางติดต่อลูกค้าหลายจุด ธุรกิจสามารถระบุความสัมพันธ์ ความชอบ และรูปแบบการซื้อได้ ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ทางการตลาด ปรับปรุงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในอนาคต
ในทางกลับกัน การสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลก้าวไปอีกขั้นโดยใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมและผลลัพธ์ของลูกค้าในอดีต ธุรกิจสามารถสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ที่คาดการณ์แนวโน้มและพฤติกรรมในอนาคตได้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้การสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่าง ช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพระดับสินค้าคงคลังและหลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้าได้
ประโยชน์หลักอีกประการหนึ่งของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วใน CRM คือความสามารถในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดและการโต้ตอบกับลูกค้า ด้วยการติดตามและวิเคราะห์ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) ธุรกิจสามารถประเมินความสำเร็จของการทำการตลาด ระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุง และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุ ROI ที่ดีขึ้น
โดยสรุป การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า เพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ทางการตลาด คาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้า และวัดประสิทธิผลของความพยายามของพวกเขา ด้วยการลงทุนในความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้
เทรนด์ที่ 5: CRM สำหรับสื่อสังคมออนไลน์และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผู้คน และธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลกระทบที่มีต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อีกต่อไป ในปี 2567/2568 การใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียและการใช้กลยุทธ์ CRM ทางสังคมจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในการก้าวนำหน้าเกม
CRM ทางสังคมเกี่ยวข้องกับการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อเชื่อมต่อ มีส่วนร่วม และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยการติดตามการสนทนาบนโซเชียลมีเดีย ธุรกิจจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบ ความคิดเห็น และความต้องการของลูกค้า ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อปรับแต่งแคมเปญการตลาด ให้การสนับสนุนอย่างทันท่วงที และมีส่วนร่วมกับลูกค้าด้วยวิธีที่มีความหมายมากขึ้น
นอกจากนี้ CRM ทางสังคมยังช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและการพิสูจน์ทางสังคม ด้วยการกระตุ้นให้ลูกค้าแบ่งปันประสบการณ์บนโซเชียลมีเดีย ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถขยายการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้ บทวิจารณ์และคำแนะนำเชิงบวกของลูกค้าบนโซเชียลมีเดียสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อและดึงดูดลูกค้าใหม่
นอกเหนือจากการติดตามการสนทนาบนโซเชียลมีเดียแล้ว ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียสำหรับการโฆษณาที่ตรงเป้าหมายอีกด้วย แพลตฟอร์ม เช่น Facebook และ LinkedIn นำเสนอตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้ชมที่เฉพาะเจาะจงตามข้อมูลประชากร ความสนใจ และพฤติกรรมของพวกเขา ด้วยการผสานรวมข้อมูลโซเชียลมีเดียเข้ากับระบบ CRM ธุรกิจจะสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าหมายและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
โดยรวมแล้ว CRM ทางสังคมและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าในระดับส่วนตัวมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และปรับปรุงประสิทธิผลของการทำการตลาด ด้วยการปรับใช้กลยุทธ์ CRM ทางสังคม ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของโซเชียลมีเดียและใช้ประโยชน์จากมันให้เป็นประโยชน์ได้
เทรนด์ที่ 6: ระบบอัตโนมัติและการเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ใน CRM
การเพิ่มประสิทธิภาพระบบอัตโนมัติและเวิร์กโฟลว์เป็นแนวโน้มสำคัญใน CRM ที่ธุรกิจควรให้ความสนใจในปี 2567/2568 เนื่องจากธุรกิจต้องรับมือกับปริมาณข้อมูลและการโต้ตอบกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ระบบอัตโนมัติจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงกระบวนการ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า
ด้านหนึ่งที่ระบบอัตโนมัติสามารถมีผลกระทบที่สำคัญคือการจัดการลูกค้าเป้าหมาย ด้วยการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมาย การกำหนดเส้นทาง และกระบวนการดูแลลูกค้าโดยอัตโนมัติ ธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าลูกค้าเป้าหมายจะได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่ลีดจะหลุดออกจากรอยแตกและปรับปรุงอัตราคอนเวอร์ชัน ตัวอย่างเช่น ระบบการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมายแบบอัตโนมัติสามารถกำหนดคะแนนให้กับลูกค้าเป้าหมายตามพฤติกรรมและข้อมูลประชากร ช่วยให้ทีมขายมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป้าหมายที่มีโอกาสเกิด Conversion สูงกว่า
ระบบอัตโนมัติยังสามารถปรับปรุงการบริการลูกค้าด้วยการเสนอตัวเลือกการบริการตนเองและทำให้งานประจำเป็นแบบอัตโนมัติ ด้วยการใช้แชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ธุรกิจต่างๆ สามารถให้การสนับสนุนได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และจัดการกับคำถามทั่วไปของลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องให้มนุษย์เข้าไปแทรกแซง สิ่งนี้ไม่เพียงปรับปรุงเวลาตอบสนอง แต่ยังช่วยลดภาระของทีมบริการลูกค้า ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การโต้ตอบที่ซับซ้อนและมีคุณค่ามากขึ้น
นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการขายโดยการทำงานซ้ำๆ โดยอัตโนมัติ เช่น การป้อนข้อมูล อีเมลติดตามผล และการสร้างข้อเสนอ ด้วยการลดงานที่ต้องทำด้วยตนเอง ทีมขายจึงสามารถใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ระบุโอกาส และปิดการขายได้มากขึ้น สิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและการเติบโตของรายได้
โดยสรุป การเพิ่มประสิทธิภาพอัตโนมัติและเวิร์กโฟลว์ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า การทำให้งานประจำเป็นไปโดยอัตโนมัติ ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มเวลาให้กับกิจกรรมที่มีคุณค่ามากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ
เทรนด์ที่ 7: การบูรณาการ CRM เข้ากับระบบธุรกิจอื่นๆ
ในปี 2567/2568 การบูรณาการ CRM เข้ากับระบบธุรกิจอื่นๆ จะเป็นเทรนด์สำคัญที่ต้องจับตามอง ธุรกิจจำเป็นต้องแยกย่อยและให้แน่ใจว่า CRM ได้รับการบูรณาการเข้ากับระบบหลักอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น เช่น ระบบการตลาดอัตโนมัติ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเครื่องมือสนับสนุนลูกค้า
การบูรณาการระหว่าง CRM และระบบการตลาดอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจต่างๆ จัดความพยายามทางการตลาดและการขายของตนได้ ด้วยการบูรณาการระบบเหล่านี้ ธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าลูกค้าเป้าหมายที่สร้างผ่านแคมเปญการตลาดจะถูกโอนไปยังระบบ CRM ได้อย่างราบรื่นเพื่อการเลี้ยงดูและการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม การบูรณาการนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดและวัด ROI ได้
การบูรณาการระหว่างแพลตฟอร์ม CRM และอีคอมเมิร์ซเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ด้วยการบูรณาการระบบเหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ จะได้รับมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับการโต้ตอบและความชอบของลูกค้า ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ระบบ CRM จะสามารถอัปเดตประวัติการซื้อและการตั้งค่าของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเสนอข้อเสนอและคำแนะนำส่วนบุคคลตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า
นอกจากนี้ การบูรณาการ CRM เข้ากับเครื่องมือสนับสนุนลูกค้าช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าได้ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลลูกค้าระหว่างระบบเหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ สามารถมั่นใจได้ว่าตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดได้ ช่วยให้พวกเขาสามารถให้การสนับสนุนส่วนบุคคลและมีประสิทธิภาพได้ การบูรณาการนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการโต้ตอบของลูกค้าผ่านจุดสัมผัสต่างๆ และระบุจุดที่ต้องปรับปรุง
โดยสรุป การบูรณาการ CRM เข้ากับระบบธุรกิจอื่นๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในการได้รับมุมมองแบบองค์รวมของการโต้ตอบกับลูกค้า จัดความพยายามทางการตลาดและการขาย และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า ด้วยการทำลายไซโลและบูรณาการระบบหลัก ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า
สรุป: เปิดรับเทรนด์ CRM เพื่อความสำเร็จในอนาคต
เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2567/2568 เป็น ที่ชัดเจนว่าภาพรวม CRM มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่นำหน้าเกมด้วยการยอมรับเทรนด์ CRM ล่าสุดจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับความสำเร็จในอนาคต
ตั้งแต่การบูรณาการเทคโนโลยี AI ไปจนถึงการมุ่งเน้นที่ความเป็นส่วนตัวและการปรับแต่งที่เพิ่มขึ้น มีแนวโน้ม CRM ที่สำคัญหลายประการที่ต้องจับตาใน ปี 2567/2568 การนำแนวโน้มเหล่านี้ไปใช้จะทำให้ธุรกิจได้รับความได้เปรียบในการแข่งขัน มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้
การบูรณาการ AI ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า ทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ และปรับปรุงการตัดสินใจ Mobile CRM ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา เก็บ ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาต้องการ การปรับแต่งส่วนบุคคลและการปรับแต่งใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถมอบประสบการณ์ที่ปรับแต่งและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจได้รับข้อมูลเชิงลึก เพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การตลาด คาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้า และวัดประสิทธิผลของความพยายามของพวกเขา CRM ทางสังคมและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าในระดับส่วนตัวมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และปรับปรุงประสิทธิผลของการทำการตลาด
การเพิ่มประสิทธิภาพอัตโนมัติและเวิร์กโฟลว์ใน CRM ปรับปรุงกระบวนการ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า การบูรณาการ CRM เข้ากับระบบธุรกิจอื่นๆ ช่วยให้ธุรกิจได้รับมุมมององค์รวมของการโต้ตอบกับลูกค้า จัดความพยายามทางการตลาดและการขาย และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า
ด้วยการเปิดรับเทรนด์ CRM เหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถก้าวนำหน้า ให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และประสบความสำเร็จในระยะยาวในยุคดิจิทัล ดังนั้น เริ่มเตรียมตัวสำหรับอนาคตของ CRM และก้าวนำหน้าเกม!
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Freshworks – Freshsales Suite ติดต่อได้ที่:
Sundae Solutions Co., Ltd.
T| +6626348899 E| sales@sundae.co.th
W| https://www.sundae.co.th/solution/crm-and-customer-experience/freshworks/
- พฤษภาคม 4, 2024
- Posted by: sundaeadmin
- Category: Articles-TH